Modbar ถือเป็นเครื่องชงกาแฟแบบใต้เคาน์เตอร์บาร์ระดับ Hi-End ยี่ห้อหนึ่งในวงการกาแฟระดับ Specialty ด้วยรูปลักษณ์ที่ดูทันสมัยและแปลกใหม่ มาพร้อมประสิทธิภาพการทำงานขั้นสูง เสริมความใกล้ชิดกันมากขึ้นระหว่างบาริสต้าและลูกค้า
ความใส่ใจในทุกๆ รายละเอียด คือหัวใจสำคัญของร้านกาแฟ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้กับลูกค้า ตั้งแต่การสกัดกาแฟเพื่อให้ได้เครื่องดื่มที่มีรสชาติดี ไปจนถึงความสวยงามของการออกแบบร้านและบาร์กาแฟให้มีความโดดเด่น เครื่องชงกาแฟ Modbar จึงตอบโจทย์อย่างยิ่งสำหรับร้านกาแฟยุคใหม่
Modbar ถูกออกแบบมาให้สามารถแยกกันทำงานได้อิสระ ทำให้คุณสามารถออกแบบเวิร์กโฟลว์ที่เหมาะกับพื้นที่ของคุณได้ตามต้องการ ทั้งเครื่องชง Espresso, Steam และ Pour-over ช่วยสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าได้อีกด้วย
เครื่องชง Modbar Espresso System มีด้วยกัน 2 รุ่นนั่นคือ Modbar Espresso AV และ Modbar Espresso EP ซึ่งหลายคนคงสงสัยถึงความแตกต่างระหว่างทั้ง 2 รุ่น เพราะด้วยหน้าตาภายนอกนั้น หากมองแบบผิวเผินก็แทบจะไม่มีความต่างเลย ยกเว้นบริเวณหน้าจอสำหรับดูเวลาช็อต คันโยก ก้านชง และรูปทรงของ Tap Espresso แต่จริงๆ แล้วยังมีความต่างอื่นๆ อีกก็คือ Modbar Espresso EP ในหนึ่งโมดูลจะสามารถรองรับได้เพียงหนึ่ง Tap ส่วน Modbar Espresso AV จะสามารถรองรับได้ถึง 2 Tap โดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มกำลังไฟเลี้ยงสำหรับหัวที่สอง
Tap ของ Modbar Espresso EP จะมีโปรแกรมอยู่ 3 รูปแบบ คือ Manual, Rinse และ Auto ที่กำหนดโปรไฟล์เอาไว้ ซึ่งสามารถตั้งได้ถึง 15 โปรไฟล์ และเลือกโปรไฟล์มาไว้ที่ Tap Espresso ได้เพียงหนึ่งโปรไฟล์เท่านั้น
แต่ Modbar Espresso AV สามารถใช้โปรไฟล์ผ่าน Tap Espresso ได้ถึง 4 โปรไฟล์ โดยเลือกโปรไฟล์จากการดันคันโยกในรูปแบบที่แตกต่างกัน
นอกจากนี้ Modbar Espresso AV ยังมีการปรับย้ายจุดต่อท่อน้ำทั้งหมดจากด้านหลังมาไว้ด้านข้าง เพราะโมดูลที่อยู่ใต้เคาน์เตอร์นั้นมักจะอยู่ในพื้นที่ที่ค่อนข้างจำกัดและคับแคบ การย้ายจุดต่อท่อน้ำจึงทำให้สามารถติดตั้งและซ่อมบำรุงได้ง่ายขึ้น
สมรรถนะในการสกัดกาแฟของเครื่องชงทั้ง 2 รุ่น ก็ยังคงสามารถรองรับลูกค้าปริมาณมากและทำกาแฟได้ต่อเนื่อง โดยมั่นใจได้ว่าอุณหภูมิของน้ำและมาตรฐานของกาแฟจะมีความสม่ำเสมอ ด้วยการควบคุมอุณหภูมิระบบ P.I.D. (Proportional Integral Derivation) มีการเก็บข้อมูลอุณหภูมิ เวลา และระบบให้ความร้อนหลายจุด เพื่อที่ต้องการรักษาเสถียรภาพความร้อนของเครื่องชงไว้ให้ได้มากที่สุด
และในรุ่นที่เป็น Auto Brewing Ratio (ABR) นั้น จะมีการวิเคราะห์การไหลหยดของน้ำกาแฟอันแสนชาญฉลาด ตัวระบบเองจะเก็บข้อมูลการไหลของน้ำกาแฟแต่ละช็อตอย่างละเอียดและคาดการณ์ถึงลักษณะการไหลของน้ำต่อจากนั้นได้อย่างแม่นยำ ทำให้หยุดการสกัดได้แม่นยำโดยไม่ต้องอาศัยการทำงานเพิ่มเติมจากบาริสต้า
หลังจากที่เราทำความรู้จักถึงความแตกต่างของทั้ง 2 รุ่นกันแล้ว เรามาเจาะลึกและทำความรู้จักกับทั้ง 2 รุ่น เพิ่มเติมกัน สำหรับใครที่สนใจเครื่องชงทั้ง 2 รุ่นนี้ อาจจะช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายมากขึ้น
Modbar Espresso AV เป็นเครื่องชงกาแฟที่ถูกวิจัยและพัฒนาร่วมกันระหว่าง Modbar และ La Marzocco ที่มีต้นแบบมาจากเครื่องชงรุ่น Linea PB และ Linea Mini มาพร้อมความน่าเชื่อถือ ประสิทธิภาพ และความเสถียรของอุณหภูมิ เทียบเท่ากับเครื่องชงรุ่น Linea PB นับเป็นสัญลักษณ์ของเครื่องชงระดับอุตสาหกรรม และเป็นที่ยอมรับในวงการกาแฟทั่วโลก
Modbar Espresso AV นั้น ตัวเครื่องมาในรูปแบบของ Module ที่เป็นส่วนของระบบสั่งการสามารถเชื่อมต่อกับ Tap หรือเป็นส่วนที่ทำการสกัดได้ถึง 2 Tap ด้วยกัน
Specifications |
TAP |
MOD + 2 GR |
MOD + 1 GR |
ความสูง (cm/in) |
32 / 12.5 |
22 / 8.5 |
22 / 8.5 |
ความกว้าง (cm/in) |
14 / 5.5 |
41 / 16 |
41 / 16 |
ความลึก (cm/in) |
36 / 14 |
38 / 15 |
38 / 15 |
น้ำหนัก (kg/lbs) |
10.5 / 23 |
18 / 40 |
16.5 / 36.5 |
แรงดันไฟฟ้า (volt) |
|
208 - 240 |
208 - 240V / 110 |
กำลังไฟฟ้า (watt) |
|
3,227 |
1,520 |
กระแสไฟฟ้า (amps) |
|
14 |
7 / 14 |
ระบบไฟฟ้า (phase) |
|
Single |
Single |
ความจุหม้อต้ม (liters) |
|
2.8 l dual boiler |
1.4 l |
1. Linea PB Volumetric and Optional Scales*
การตั้งค่าปริมาณน้ำในการสกัดเหมือนกับรุ่น Linea PB ช่วยให้มั่นใจกับผลลัพธ์ของการสกัดกาแฟ มีความสม่ำเสมอ และสามารถทำซ้ำได้ง่าย *สามารถติดตั้งตาชั่งเพิ่มเติมในบริเวณถาดรองช็อตกาแฟที่มีความแม่นยำ มาพร้อมเทคโนโลยี Drip Prediction ยกระดับความเสถียรในการวัดปริมาณช็อตกาแฟ (เฉพาะรุ่น ABR)
2. Easy Access to Water Power and Drain Connections
สามารถเข้าถึงระบบน้ำ ระบบไฟฟ้า และระบบระบายน้ำทิ้งได้ง่าย
3. Add-a-Tap System for Two Taps per Module
เครื่องชง 1 Module สามารถต่อกับระบบหัวชง Espresso ได้สูงสุด 2 Tap
4. PID Temperature Control
ระบบ PID ช่วยควบคุมอุณหภูมิของน้ำในหม้อต้มให้มีความเสถียรมากขึ้นด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์
5. Simple Heads-up Display
จอแสดงผลที่ด้านบนหัวชง สามารถมองเห็นได้ง่าย และชัดเจน
6. Handle Finishes Walnut (standard) or Maple
ด้ามจับเป็นแบบคันโยกทำจากไม้ ได้แก่ วอลนัท (วัสดุพื้นฐาน) หรือเมเปิ้ล
7. Heated Brew Group
ระบบทำความร้อนที่หัวกรุ๊ป ช่วยรักษาอุณหภูมิบริเวณหัวกรุ๊ปให้คงที่ เพื่อการสกัดช็อตกาแฟที่สมบูรณ์แบบ
8. Heads-up Shot Timer
ตัวจับเวลาการสกัดที่ด้านบนหัวชง
9. Multi-Position Lever with Four Saved Programs
ตั้งค่าปริมาณน้ำในการสกัดได้ 4 รูปแบบ และสั่งการผ่านคันโยกที่หัวชง
10. La Marzocco Portafilters
ใช้ก้านชง (Portafilters) แบบเดียวกับเครื่องชงของ La Marzocco
12. Easy Group Access for Maintenance
หัวกรุ๊ปง่ายต่อการบำรุงรักษาและทำความสะอาด
13. USB
ช่องเสียบ USB สำหรับอัปเดตเฟิร์มแวร์
Modbar Espresso EP เป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง Module และ Tap เพื่อให้คุณสามารถควบคุมการใช้งานได้อย่างสมบูรณ์ โดยทีมผู้ผลิตได้ออกแบบร่วมกับบาริสต้า เจ้าของร้านกาแฟ นักคั่วกาแฟและช่างเทคนิค เพื่อให้ได้เครื่องชงกาแฟที่ล้ำสมัย ที่จะมาสร้างประสบการณ์ด้านกาแฟให้กับลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น
Modbar Espresso EP นั้น ตัวเครื่องมาในรูปแบบของ Module ที่เป็นส่วนของระบบสั่งการสามารถเชื่อมต่อกับ Tap ได้เพียง 1 Tap โดยในรุ่นนี้ใน Module จะมีปั๊มเกียร์คล้ายกับเครื่อง La Marzocco รุ่น Stadra EP ทำให้สามารถสร้างโปรไฟล์แรงดันในการสกัดได้ รวมถึงสามารถสร้างกราฟโปรไฟล์การสกัดได้ที่ Module และสามารถปรับเปลี่ยนได้ทันที ทำให้สามารถออกแบบการสกัดได้หลากหลาย และเหมาะสมกับกาแฟที่ร้านใช้ได้ตามต้องการ
Specifications |
TAP |
MOD |
ความสูง (cm/in) |
30 / 12 |
14 / 5.5 |
ความกว้าง (cm/in) |
14 / 5.5 |
41 / 16 |
ความลึก (cm/in) |
30 / 12 |
36 / 14 |
น้ำหนัก (kg/lbs) |
7 / 15 |
16 / 35 |
แรงดันไฟฟ้า (volt) |
- |
208 - 240 |
กำลังไฟฟ้า (watt) |
- |
3,300 |
กระแสไฟฟ้า (amps) |
- |
14 |
ระบบไฟฟ้า (phase) |
- |
Single |
ความจุหม้อต้ม (liters) |
- |
1.2 I Dual Boiler |
1. Programmable Pressure Profiling
สร้างโปรไฟล์แรงดัน (Pressure Profiling) ในการสกัดกาแฟได้ง่ายดายผ่านหน้าจอระบบสัมผัสและสามารถทำซ้ำได้
2. Store 15 Espresso Profiles
ตั้งค่าโปรไฟล์การสกัดของ Espresso และเก็บบันทึกข้อมูลไว้ได้มากถึง 15 โปรไฟล์
3. Manual and Automatic Modes
สามารถเลือกรูปแบบสกัดกาแฟ ได้ทั้งแบบแมนนวลและแบบอัตโนมัติ ผ่านการควบคุมจากคันโยกที่หัวชง
4. Volumetric Dosing
การตั้งค่าปริมาณน้ำในการสกัด ช่วยให้มั่นใจกับผลลัพธ์ของการสกัดกาแฟ มีความสม่ำเสมอ และสามารถทำซ้ำได้ง่าย
5. 3-Zone PID Temperature Control
ระบบ PID ช่วยควบคุมอุณหภูมิ 3 ตำแหน่งเพื่อให้อุณหภูมิของน้ำในแต่ละตำแหน่งมีความแม่นยำมากขึ้น ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์
6. 2 Progressive Boilers
หม้อต้มแบบคู่ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำความร้อนได้อย่างรวดเร็วและเสถียร
7. Automatic Rinse and Cleaning Programs
โปรแกรมล้างและทำความสะอาดอัตโนมัติ
8. La Marzocco Portafilters
ใช้ก้านชง (Portafilters) แบบเดียวกับเครื่องชงของ La Marzocco
9. Handle Finishes Walnut (standard) or Maple
ด้ามจับเป็นแบบคันโยกทำจากไม้ ได้แก่ วอลนัท (วัสดุพื้นฐาน) หรือเมเปิ้ล
10. Control Over Brewing Temp and Pressure
สามารถควบคุมการสกัดกาแฟได้ โดยควบคุมผ่านการใช้อุณหภูมิและแรงดันในการสกัด
11. Heads-Up Display
จอแสดงผลที่ด้านบนหัวชง สามารถมองเห็นได้ง่าย และชัดเจน
12. Heated Brew Group
ระบบทำความร้อนที่หัวกรุ๊ป ช่วยรักษาอุณหภูมิของน้ำบริเวณหัวชงให้คงที่ เพื่อการสกัดช็อตกาแฟที่สมบูรณ์แบบ
13. USB
ช่องเสียบ USB สำหรับอัปเดตเฟิร์มแวร์
Modbar แต่ละรุ่นเหมาะกับลูกค้าแบบไหน?
Modbar Espresso AV เหมาะกับร้านกาแฟที่ต้องการสกัดกาแฟแบบต่อเนื่อง และค่อนข้างมีการทำงานภายในบาร์ที่รวดเร็ว เมื่อมีการติด Extra Tap Espresso เพิ่มเติม จะสามารถปรับตั้งอุณหภูมิแยกแต่ละหัว Tap ได้ คล้ายกับเครื่องชงรุ่น Multi Boiler นอกจากนี้ยังสามารถปรับตั้งระดับค่าน้ำของกาแฟสกัดกาแฟในแต่ละช็อตได้
ส่วน Modbar Espresso EP เหมาะกับร้านกาแฟที่มีเมล็ดกาแฟที่หลากหลาย และต้องการสกัดกาแฟแต่ละตัวให้มีรสชาติตามคาแร็กเตอร์ของกาแฟออกมาให้ดีที่สุด โดยการเล่นเรื่องโปรไฟล์แรงดันในการสกัด สามารถทดลองสกัดกาแฟในรูปแบบที่แตกต่างกันได้ เนื่องจากเครื่องชงมีปั๊มเกียร์ที่สามารถสร้างและควบคุมแรงดันในการสกัดได้แบบเรียลไทม์ นอกจากนี้ยังสามารถบันทึกโปรไฟล์การสกัดได้มากถึง 15 โปรไฟล์เลยทีเดียว
ทั้งหมดนี้ก็เป็นการแนะนำสำหรับ Modbar Espresso System ทั้ง 2 รุ่นว่าแตกต่างกันอย่างไรบ้าง รวมทั้งเหมาะกับลูกค้าหรือร้านกาแฟแบบไหน หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่สนใจ และสำหรับใครที่มองหาเครื่องชงกาแฟและสนใจ Modbar Espresso System ก็สามารถที่จะเข้ามาสอบถามได้ที่ทุกช่องทาง Bluekoff
บทความอื่นๆ ที่คุณอาจจะสนใจ
Bluekoff Co.,Ltd. สำนักงานใหญ่
และสถานที่เรียนชงกาแฟ
81 ซอยลาดพร้าว 15 แยก 1 ถนนลาดพร้าว
แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900
จันทร์ - เสาร์ 8:30น. - 17:00น.
หยุดวันอาทิตย์ และวันหยุดนขัตฤกษ์