แก้ชง!! แนะนำการสกัดช็อตกาแฟหน้าฝน แบบฉบับบลูคอฟ

ในทุกๆ ปีของเดือนพฤษภาคม ไปจนถึงเดือนสิงหาคม คอกาแฟทุกคนจะได้เผชิญกับฤดูฝนอันชุ่มฉ่ำ ที่นำพาซึ่งความเขียวขจี ที่มีชีวิตชีวา และความชุ่มชื่นที่ ‘ชื้นนน’ เกินไปในบางทีนั้น อินบ็อกของ Bluekoff เลยมักจะเต็มไปด้วยคำถามจากนักชงกาแฟตัวยงเกี่ยวกับการชงกาแฟในช่วงหน้าฝนว่า…

“ทำไมชงแล้วกลิ่นของกาแฟไม่เหมือนเดิม ความหอมหายไปไหน?”

“ครีม่าก็บางลงจนงงเลยอ่ะ”

“หนำซ้ำรสชาติก็ขมขึ้น แถมรสหวานก็น้อยตามลงไปอีก!!”

สารพัดคำถาม จนเกิดความสงสัยว่าเกี่ยวอะไรกับการคั่วเมล็ดกาแฟหรือไม่? จริงๆ แล้วคือไม่ใช่ แต่สาเหตุหลักๆ อาจเกิดจากความชื้นในอากาศของช่วงหน้าฝนที่ส่งผลต่อเมล็ดกาแฟก็เป็นได้

ความชื้นในอากาศช่วงหน้าฝน ส่งผลต่อเมล็ดกาแฟ

เพราะโดยปกติความชื้นที่อยู่ในอากาศจะมีสถานะเป็นก๊าซ มีโมเลกุลขนาดเล็ก เมื่ออากาศมีความชื้นสูง อาจเกิดการเคลื่อนที่เข้าไปอยู่ในเซลล์ของเมล็ดกาแฟคั่วได้ง่ายมากขึ้น เมื่อเมล็ดกาแฟคั่วมีความชื้นมากขึ้น จะส่งผลให้เมล็ดกาแฟมีความหนาแน่นมากขึ้นตาม และเมื่อเมล็ดกาแฟทำการดูดซับความชื้นเข้ามาไว้ภายใน โครงสร้างเซลล์ของเมล็ดจะมีความนุ่มขึ้น ความเปราะของเมล็ดก็จะลดลง นอกจากนี้ความชื้นหรือไอน้ำก็จะเข้าไปแทนที่ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่อยู่ภายในเมล็ดกาแฟ ทำให้เมล็ดกาแฟเกิดการคายก๊าซเร็วขึ้น ส่งผลต่อความสดใหม่ของเมล็ดกาแฟนั่นเอง

และด้วยเหตุนี้ เมื่อทำการบดเมล็ดกาแฟโดยใช้เครื่องบด แน่นอนว่าจะส่งผลให้ผงกาแฟบดมีขนาดไม่สม่ำเสมอ และเกิดการจับตัวกันเป็นก้อน

รสชาติของกาแฟที่สัมผัสความชื้น

เนื่องจากเมล็ดกาแฟมีความหนาแน่นมากขึ้น การสกัดกาแฟจะใช้เวลาในการสกัดที่นานขึ้นเช่นกัน เราจึงต้องจับรสชาติที่ใกล้เคียงกับกาแฟปกติให้ได้ก่อน แต่ด้วยความที่ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในเมล็ดกาแฟมีน้อยลง ครีม่าที่สกัดออกมาก็จะน้อยลงตามไปด้วย พอเราได้ชิมกาแฟที่สกัด จะทำให้รู้สึกว่ากลิ่นหอมของกาแฟนั้นน้อยลงกว่าเดิม

แต่ก่อนที่ทุกคนจะเข้าใจผิด ว่าความชื้นจะส่งผลไม่ดีต่อกาแฟไปซะหมด Bluekoff อยากบอกว่า จริงๆ แล้ว เมล็ดกาแฟที่มีความชื้นที่พอเหมาะและเหมาะสม สามารถส่งผลให้การสกัดกาแฟเกิดขึ้นได้สมบูรณ์แบบมากยิ่งกว่า เพราะจะได้รสชาติที่เข้มข้นและชัดเจน เพียงแต่กลิ่นหอมและรสชาติบางอย่างในกาแฟ อาจถูกสกัดออกมาได้น้อยหรือมากเกินไป เลยทำให้เรารู้สึกว่ารสชาติโดยรวมมีความไม่สมดุล (Balance) นั่นเอง

ในบทความนี้ Bluekoff เลยจะมาแนะนำวิธีการสกัดกาแฟในช่วงหน้าฝน เพื่อให้ชาวนักชงสามารถนำไปปรับแก้ และสามารถสกัดกาแฟให้อร่อยถูกปากได้

1. บดเมล็ดกาแฟหยาบขึ้นเล็กน้อย และเพิ่มปริมาณผงกาแฟ เช่น ปกติจะใช้ผงกาแฟอยู่ที่ 18 กรัม ให้เพิ่มผงกาแฟปริมาณ 0.5 – 1 กรัม
2. ไม่บดกาแฟทิ้งไว้ แนะนำให้บดแล้วควรทำการสกัดทันที
3. หมั่นทำความสะอาดเครื่องบดกาแฟ และเฟืองบดเป็นประจำ เพราะจะช่วยลดการสะสมของผงกาแฟที่ติดอยู่ตามเฟืองบดได้ และป้องกันกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ที่ติดมากับเมล็ดกาแฟ นอกจากนี้ยังทำให้ได้ผลลัพธ์ของการบดที่สม่ำเสมออีกด้วย
4. เก็บกาแฟออกจากโถพักทุกวัน และเก็บในภาชนะที่มิดชิด ปิดสนิท ห่างไกลจากความชื้น รวมถึงเก็บเมล็ดกาแฟในบรรจุภัณฑ์ให้ได้นานที่สุด แล้วค่อยๆ นำออกมาใช้ตามความเหมาะสม
5. ควรปรับเทียบการบดพร้อมตั้งช็อตกาแฟในตอนเช้า ส่วนในช่วงกลางวัน หากสภาพอากาศเกิดการเปลี่ยนแปลง เช่น อากาศร้อนขึ้นหรือความชื้นในอากาศลดลง ควรทำการตรวจสอบช็อตกาแฟอีกครั้ง และถ้าหากช็อตกาแฟไหลเร็วขึ้นหรือไหลช้าลง ให้ทำการปรับการบด หรือปริมาณผงกาแฟ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ใกล้เคียงเดิมมากที่สุด

จะเห็นได้ว่า จริงๆ แล้ว หน้าฝนไม่ได้น่ากังวลต่อการสกัดกาแฟอย่างที่คิด เพราะถ้าหากเราเข้าใจเกี่ยวกับความชื้นภายในเมล็ดกาแฟมากขึ้นและรู้จักการปรับการสกัดกาแฟ เท่านี้เราก็สามารถสกัดกาแฟที่ดีมีคุณภาพและได้ผลลัพธ์ที่สม่ำเสมอในทุกๆ แก้วแล้ว

สุดท้าย หากเพื่อนๆ คนไหน มีทริคหรือคำแนะนำอะไรดีๆ ก็สามารถมาแชร์ความคิดเห็นหรือคอมเมนท์บอกเราได้ที่เพจของ Bluekoff และสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับเรื่องราวของกาแฟและอื่นๆ ได้ที่เพจ Facebook: Bluekoff หรือทุกช่องทางของ Bluekoff แล้วเจอกันใหม่ในบทความหน้า ทั้งนี้ขอให้สนุกกับการชงกาแฟ และอย่าลืมรักษาสุขภาพในช่วงหน้าฝนกันด้วยน้า....