บทสัมภาษณ์นี้จะพาคุณไปพบกับ 3 เสียงจากภายในองค์กรที่แตกต่าง แต่หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวภายใต้หลักคิดเดียวกันคือเรื่องคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็น คุณม่อน - อมอน พูลบุญมา ที่คลุกคลีอยู่หน้างานจริง มองเห็นการเปลี่ยนแปลงในทุกฤดูกาล คุณส้มโอ - ศมนวรรณ ณ ร้อยเอ็ด ที่ใช้ประสาทสัมผัสคัดกรองคุณภาพจากรสชาติอย่างละเอียดทุกวัน และ คุณหมิว - สุปรียา สมัครการ ผู้พัฒนาโปรเซสอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับคุณค่าของกาแฟไทยให้ดียิ่งขึ้นอย่างยั่งยืน
ทั้งหมดนี้คือฟันเฟืองสำคัญ ที่ทำให้กาแฟแก้วหนึ่งจาก Bluekoff ไม่ใช่แค่ “อร่อย” แต่ยังเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า คุณภาพดีเกิดขึ้นได้จากความตั้งใจในทุกขั้นตอน
ชื่อ : คุณม่อน - อมอน พูลบุญมา
ตำแหน่งงาน : หัวหน้าแผนกขนส่ง
อายุงาน : 19 ปี
คุณม่อนอยู่กับ Bluekoff มานานกว่า 18 ปี เป็นหนึ่งในคนที่ได้เห็นการเติบโตของแบรนด์อย่างใกล้ชิด ตั้งแต่วันที่ยังส่งกาแฟวันละไม่กี่สิบกิโลกรัม ด้วยมอเตอร์ไซค์เพียงคันเดียว
เมื่อคุณภาพของกาแฟเริ่มเป็นที่รู้จัก ลูกค้าเพิ่มขึ้นจากการบอกต่อ ทีมจึงต้องขยายระบบส่งของ จากมอเตอร์ไซค์หลายคัน ไปจนถึงใช้รถยนต์ รถทัวร์ รถตู้ และบริการขนส่งไปยังต่างจังหวัด เพื่อรองรับความต้องการที่มากขึ้น
“เราขยับขยายจากมอไซค์หนึ่งคัน ไปหลายคันแล้วก็ยังไม่พอ
จนต้องใช้รถยนต์ รถตู้ รถทัวร์ ไปยังจังหวัดไกล ๆ เพื่อให้ลูกค้าได้รับของไวที่สุด”
คุณม่อนบอกว่าทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของแบรนด์ที่เติบโตจากความเชื่อในคุณภาพของเมล็ดกาแฟเสมอมา
“ลูกค้าเปิดกล่องแล้วแต่ยังไม่แกะซองก็บอกว่าหอมจังเลยพี่ แน่นอนครับเพราะของเราคั่วสดใหม่ตลอด”
คุณม่อนบอกถึงกระบวนการส่งของ Bluekoff คือ รับออเดอร์ คั่ว แล้วส่งทันที ไม่มีคั่วเก็บไว้ก่อน แล้วค่อยจัดส่งทีหลัง ซึ่งช่วยให้รสชาติของกาแฟยังคงความหอมสดอย่างเต็มที่
“คุณภาพไม่ได้เกิดจากใครคนเดียว ทุกคนช่วยกันดูแลให้เกิดความสม่ำเสมอก่อนถึงมือลูกค้า”
ด้วยประสบการณ์กว่า 25 ปี รวมกับทีมรุ่นใหม่ที่เข้ามาเสริมความแข็งแกร่ง Bluekoff ยังคงมุ่งมั่นส่งมอบกาแฟที่สดใหม่และมีคุณภาพให้กับลูกค้า ไม่ว่าคุณจะอยู่ในประเทศหรือต่างประเทศ
“ผมยังคอยซัพพอร์ตอยู่เบื้องหลัง เพื่อให้กาแฟคุณภาพดี ๆ ไปถึงมือลูกค้าให้เร็วที่สุด”
.............................................................
ชื่อ : คุณส้มโอ - ศมนวรรณ ณ ร้อยเอ็ด
ตำแหน่งงาน : ฝ่ายการเรียนการสอน Barista / Training
อายุงาน : 10 ปี
กว่า 10 ปีที่คุณส้มโอต้องชิมกาแฟทุกวัน หน้าที่ของเธอที่ทำทุกวันคือการ “เช็กช็อต” เพื่อให้แน่ใจว่า รสชาติของกาแฟยังคงเสถียรและสม่ำเสมอในทุกแก้ว โดยเฉพาะกาแฟเบลนด์หลักของร้านอย่าง A4, A4.5 และ A5 หรือที่เรียกกันง่าย ๆ ว่า “3A” ไม่ว่าจะอยู่ในห้องเรียนของคลาสสอน หรือที่หน้าบาร์ในร้านกาแฟ การเทสต์กาแฟก่อนเสิร์ฟให้ลูกค้าคือขั้นตอนสำคัญที่ต้องทำเสมอ หากพบว่ารสชาติมีความเปลี่ยนแปลง ทีมงานจะรีบแจ้งไปยังโรงคั่วทันที เพื่อให้ทำการตรวจสอบและแก้ไขก่อนที่กาแฟจะถึงมือลูกค้า
“สำหรับส้ม สิ่งที่ยืนยันว่าแก้วนั้นได้คุณภาพคือ รสชาติและกลิ่นที่คงที่”
คุณส้มโอกล่าวอย่างมั่นใจ การชิมกาแฟทุกวันทำให้เธอรับรู้ความเปลี่ยนแปลงได้ทันทีเมื่อเกิดขึ้น แม้เพียงเล็กน้อยในกลิ่นหรือรส เมื่อรสชาติมีความสม่ำเสมอและเสถียรจนเราสัมผัสได้ทุกวัน นั่นแหละคือกาแฟคุณภาพที่แท้จริงในมุมมองของเธอ
คุณส้มโอมองว่าหัวใจสำคัญของการรักษาคุณภาพอยู่ที่ “ความจริงใจและจริงจัง” ต่อมาตรฐานที่แบรนด์ตั้งไว้ รวมถึง “ความซื่อสัตย์” ที่มีต่อลูกค้า ตัวอย่างที่ชัดเจน คือการพัฒนาเบลนด์กาแฟใหม่ ๆ เช่น เดิมทีมีเพียง A4 และ A5 ที่ให้รสเปรี้ยวและเข้มข้น แต่ต่อมาถูกต่อยอดมาเป็น A4.5 ที่มีความหวานและบาลานซ์มากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่ชอบรสชาติกาแฟแบบกลมกล่อม สิ่งนี้เกิดขึ้นได้เพราะทีม Bluekoff เชื่อว่าทุกคนในองค์กรต้อง “เรียนรู้และพัฒนาอย่างสม่ำเสมอ” เพื่อให้กาแฟในทุกแก้วยังคงคุณภาพอย่างที่ลูกค้าคาดหวัง
“เราใช้คำแนะนำและคำติชมจากลูกค้ามาพัฒนาและต่อยอดกาแฟของเราให้ดีขึ้น เพื่อให้มีคุณภาพคงที่อยู่เสมอ”
.............................................................
ชื่อ : คุณหมิว - สุปรียา สมัครการ
ตำแหน่งงาน : หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์และการตลาด
อายุงาน : 8 ปี
คุณหมิวมองว่ากาแฟไทยมีคาแรกเตอร์ที่ดีอยู่แล้ว แต่หากไม่มีการจัดการที่ดี และไม่มีการสื่อสารอย่างเหมาะสม วันหนึ่งกาแฟไทยอาจถูกมองข้ามและค่อย ๆ เลือนหายไปจากความสนใจของผู้คน นั่นคือเหตุผลที่ Bluekoff ยึดเป้าหมายหลักมาตลอดว่า “อยากให้กาแฟไทยเป็นที่รู้จัก และมีผู้คนได้ดื่มมากขึ้น” ไม่ใช่แค่ในประเทศ แต่ไปไกลถึงระดับโลก
สำหรับคุณหมิว การพัฒนาไม่ใช่หน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่ง แต่ทุกคนสามารถช่วยกันได้ และในส่วนของ Bluekoff วันนี้เรามุ่งพัฒนา “คุณภาพ” เป็นหลัก บนดอยช้าง Bluekoff มีแปลงทดลองเล็ก ๆ ที่ใช้เป็นฐานเรียนรู้เรื่องการจัดการฟาร์ม วิธีการปลูก และสายพันธุ์กาแฟ รวมถึงมีโรงโปรเซสเพื่อเรียนรู้และพัฒนาเทคนิคใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง แม้แต่โปรเซสเดิม ๆ ก็ไม่ได้ทำแบบเดิมในทุกปี เพราะทุกฤดูกาลมีปัจจัยเปลี่ยนแปลง ทั้งสภาพอากาศและลักษณะของเมล็ดกาแฟ จึงต้องปรับตัวและเรียนรู้ไปพร้อมกัน
“ถ้าเราทำกาแฟออกมาให้ดีได้แล้ว คนก็จะอยากช่วยบอกต่อเองค่ะ”
กาแฟที่ดีในมุมของคุณหมิว คือกาแฟที่ “สะอาด รสหวาน มีบาลานซ์” และที่สำคัญคือต้อง “เป็นตัวเชื่อม” ที่ดีด้วย คุณหมิวยกตัวอย่างจากการเบลนด์กาแฟว่า ในเบลนด์หนึ่งจะมีเมล็ดที่ทำหน้าที่ต่างกัน เช่น
Top note (กลิ่นนำ)
Base note (กลิ่นฐาน)
Middle note หรือตัวเชื่อม ซึ่ง “ตัวเชื่อม” นี่เองที่ทำให้กาแฟเบลนด์นั้นกลมกล่อมและบาลานซ์มากขึ้น ในแบบเดียวกัน กาแฟก็ควรเชื่อมโยง “ผู้คนที่รักกาแฟ” เข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นเกษตรกร คนทำโปรเซส คนคั่ว บาริสต้า คนดื่ม หรือแม้แต่คนส่งของก็สำคัญทั้งนั้น
“เมื่อทุกคนมีความตั้งใจ และมีเป้าหมายเดียวกัน ก็จะทำให้กาแฟดี ผู้คนดี และดียิ่งขึ้นอย่างยั่งยืน”
คำตอบของคุณหมิวชัดเจนมาก เพราะ Bluekoff “ไม่เคยหยุดอยู่กับที่” เราเปิดรับ เรียนรู้ ปรับตัว และสนุกกับการแลกเปลี่ยนในทุกด้าน แม้กาแฟจะเปลี่ยนไปตามกาลเวลา แต่เป้าหมายของเรายังเหมือนเดิม อยากให้คนไทยได้ดื่มกาแฟดี ๆ ในทุกวัน และพัฒนากาแฟไทยให้ดียิ่งขึ้นเสมอ
“ในฐานะที่เป็นตัวแทนของ Bluekoff พวกเราจะอยู่เคียงข้างกาแฟไทยและผู้คนเสมอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
หันหลังกลับมาก็จะเจอ Bluekoff ถ้าคิดอะไรไม่ออก ก็อย่าลืมคิดถึง Bluekoff นะคะ เลิฟ ๆ ”
.............................................................
Bluekoff Co.,Ltd. สำนักงานใหญ่
และสถานที่เรียนชงกาแฟ
81 ซอยลาดพร้าว 15 แยก 1 ถนนลาดพร้าว
แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900
จันทร์ - เสาร์ 8:30น. - 17:00น.
หยุดวันอาทิตย์ และวันหยุดนขัตฤกษ์