ว่าการด้วยเรื่องของ “การเชค” (Shake) หลายคนก็อาจจะคุ้นเคย หรือไม่ก็อาจจะเคยเห็นผ่านตามาบ้างไม่มากก็น้อย การเชคนั้นคือการนำวัตถุดิบในการทำเครื่องดื่มมาผสมให้เข้ากัน โดยนำมาเทลงกระบอกเชค ปิดฝา และทำการเขย่าแรงๆ โดยวิธีการนี้ค่อนข้างเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย ส่วนใหญ่มักถูกใช้กันในบาร์ค็อกเทลแต่ปัจจุบันบนบาร์กาแฟหรือในร้านกาแฟทั่วๆ ไปก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน นอกจากดึงดูดสายตาด้วยลีลาท่าทางในการเชคจากลูกค้าแล้ว การเชคนั้นก็ยังทำให้เครื่องดื่มเกิดความน่าสนใจ เพิ่มสัมผัสรสชาติที่นุ่มละมุนมากขึ้น อีกทั้งช่วยลดอุณหภูมิลงในระยะเวลาที่รวดเร็ว ในขณะเดียวกันก็เพิ่มมูลค่าให้กับเครื่องดื่มด้วยเช่นกัน
เชคเกอร์นั้นมีด้วยกัน 3 ชนิด นั่นคือ Cobbler Shaker ,Boston Shaker และ Parisian Shaker ซึ่งทั้ง 3 ชนิดนี้ต่างก็มีจุดเด่นและวิธีการใช้งานที่แตกต่างกัน
Cobbler Shaker
Cobbler Shaker หรืออีกชื่อหนึ่งคือ Manhattan Shaker เป็นเชคเกอร์แบบที่มีฝากรองและฝาตวงในตัวได้รับความนิยมมาก เนื่องจากใช้งานได้ง่าย แข็งแรงทนทาน สะดวกและราคาถูก
มีหลากหลายขนาดให้เลือกไม่ว่าจะเป็น 250, 350, 550 และ 750 มิลลิลิตร แต่ส่วนใหญ่จะนิยมใช้ขนาด 500 – 550 มิลลิลิตร ซึ่งสามารถเลือกได้ตามความถนัดและความเหมาะสมในการใช้งาน สำหรับวัสดุที่นิยมเลือกใช้จะเป็นสเตนเลสมากกว่าพลาสติกเนื่องจากสามารถทำให้เครื่องดื่มเย็นได้รวดเร็ว และมีความทนทานในการใช้งานมากกว่า
เชคเกอร์ชนิดนี้ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ ฝาสำหรับตวง (Cap), ฝาสำหรับกรอง (Cover) และกระบอกผสม (Body)
Boston Shaker
เป็นคลาสสิคเช็คเกอร์ที่ใช้คู่กับที่กรอง (Strainer) ประกอบไปด้วย 2 ส่วนด้วยกัน คือ แก้วผสม (Tempered Mixing Glass) และกระบอกสเตนเลส (Lager Metel Tumbler) หรือจะเป็นกระบอกสเตนเลส 2 อันประกบกันก็ได้เช่นเดียวกัน เชคเกอร์ชนิดนี้ช่วยให้ฟองขึ้นฟูมากกว่า Cobbler Shaker ในส่วนของการใช้งานอาจจะต้องใช้ความชำนาญที่มากกว่า รวมทั้งยังเป็นเชคเกอร์ที่นิยมใช้ในการแข่งขันทำค็อกเทลอีกด้วย
Parisian Shaker
Parisian Shaker หรือ French Shaker เป็นเชคเกอร์ที่ถูกพัฒนามาจาก Boston Shaker โดยส่วนประกอบทั้ง 2 ส่วนทำมาจากสเตนเลส ทำให้ง่ายต่อการใช้งานและทำความสะอาด แต่ข้อเสียของเชคเกอร์ตัวนี้หลังจากเขย่าแล้ว ค่อนข้างเปิดฝาออกมาได้ยากและอาจจะต้องใช้ความชำนาญในการใช้งานเช่นเดียวกันกับ Boston Shaker
สำหรับที่กรอง (Strainer) เป็นอุปกรณ์เสริมใช้คู่กับ Boston Shake และ Parisian Shaker หรือในบางครั้งก็มีการใช้สำหรับกรองจาก Cobbler Shaker เช่นกัน ซึ่งใช้ในการช่วยกรองน้ำแข็งหรือส่วนผสมที่เป็นกากออกจากเครื่องดื่ม นิยมใช้ 4 แบบ
No Prong Strainer
เป็นตัวกรองแบบมีด้ามจับ เป็นขดสปริงด้านข้าง ไม่มีก้านสำหรับล็อกปากแก้ว วิธีการใช้งานจะปิดลงไปด้านในของแก้วผสม ใช้นิ้วมือล็อกด้ามจับกับแก้วผสมในการกรอง
Hawthorn Strainer
เป็นตัวกรองแบบมีด้ามจับ มีขดสปริง และมีก้านสำหรับล็อกปากแก้วผสม ใช้งานได้หลากหลาย และสามารถกรองได้สะดวกมากกว่าแบบ No Prong Strainer
Julep Strainer (Perforated Strainer)
เป็นตัวกรองที่มีลักษณะคล้ายช้อนเจาะรู มักใช้งานกับการแยกกาก มีด้ามจับ และใช้งานได้ง่าย
Fine Strainer
เป็นตัวกรองละเอียด มีลักษณะคล้ายกระชอนเป็นตาข่ายถี่ๆ ใช้เพื่อกรองเศษกากเล็กๆ ที่ไม่ต้องการ มีขนาดเล็ก มักจะใช้คู่กับตัวกรองแบบอื่นๆ เช่น Hawthorn Strainer และ Julep Strainer เป็นต้น
และทั้งหมดนี้ก็เป็นข้อมูลดีๆ สำหรับผู้ที่กำลังมองหาเชคเกอร์ในการใช้งาน ให้เหมาะกับคุณและเมนูเครื่องดื่มของคุณ พร้อมกับได้รับประสบการณ์ในการทำเครื่องดื่มในรูปแบบใหม่
ตัวอย่างเมนูเครื่องดื่มที่ใช้รูปแบบการผสมโดยการเชค
Barista Menu : Khao Fhon (เข้า-ฝน)
Barista Menu : เปียกลำไย “PEAK LAM YAI”
Bluekoff Co.,Ltd. สำนักงานใหญ่
และสถานที่เรียนชงกาแฟ
81 ซอยลาดพร้าว 15 แยก 1 ถนนลาดพร้าว
แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900
จันทร์ - เสาร์ 8:30น. - 17:00น.
หยุดวันอาทิตย์ และวันหยุดนขัตฤกษ์